ตัวประกอบของ 432
โปรแกรมแยกตัวประกอบจำนวนนับ (Factoring calculator) เป็นเครื่องมือที่คุณสามารถใช้สำหรับค้นหาและแยกตัวประกอบของตัวเลขจำนวนเต็ม ป้อนตัวเลขที่ต้องการค้นหาและแยกตัวประกอบ และกดคำนวณเพื่อเริ่มต้น
ตัวประกอบของ 432 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 432 มีอยู่ 20 ตัวคือ
1, 2, 3, 4, 6, 8, 9, 12, 16, 18, 24, 27, 36, 48, 54, 72, 108, 144, 216, 432
ดังนั้น 432 สามารถเขียนแยกตัวประกอบได้เป็นดังนี้
1 × 432 = 432
2 × 216 = 432
3 × 144 = 432
4 × 108 = 432
6 × 72 = 432
8 × 54 = 432
9 × 48 = 432
12 × 36 = 432
16 × 27 = 432
18 × 24 = 432
วิธีแยกตัวประกอบของ 432
วิธีหาและแยกตัวประกอบของ n สามารถทำได้โดยการตรวจสอบการหารลงตัวจาก 1-รากที่สองของ n นี่เป็นวิธีการแยกตัวประกอบของ 432
ขั้นตอนที่ 1: คำนวณหารากที่สองของ 432 ในรูปของจำนวนเต็มจะได้
รากที่สองของ 432 คือ 20.784609690827
รากที่สองในจำนวนเต็มคือ 20
ขั้นตอนที่ 2: ค้นหาตัวเลขจาก 1 ถึง 20 ที่สามารถหาร 432 ลงตัวจะได้
1, 2, 3, 4, 6, 8, 9, 12, 16, 18
ขั้นตอนที่ 3: ดังนั้น 432 สามารถเขียนในรูปของการแยกตัวประกอบได้เป็น
1 × 432 = 432
2 × 216 = 432
3 × 144 = 432
4 × 108 = 432
6 × 72 = 432
8 × 54 = 432
9 × 48 = 432
12 × 36 = 432
16 × 27 = 432
18 × 24 = 432
ตัวประกอบจำนวนเฉพาะของ 432
ตัวประกอบเฉพาะของ 432 มี 2 ตัวคือ
2, 3
ดังนั้น 432 สามารถเขียนในรูปการแยกตัวประกอบเฉพาะได้ดังนี้
2 × 2 × 2 × 2 × 3 × 3 × 3 = 432 หรือ
24 × 33 = 432
วิธีแยกตัวประกอบจำนวนนับ
วิธีการแยกตัวประกอบจำนวนนับ n สามารถทำได้โดยตรวจสอบการหารลงตัว นี่เป็นวิธีการแยกตัวประกอบของตัวเลขจำนวนนับ
- เพื่อค้นหาและแยกตัวประกอบของจำนวนนับ n ตัวอย่าง n เท่ากับ 12
- ค้นหารากที่สองของ n ในรูปของจำนวนเต็มกำหนดให้เป็น s คือ 3.46 => 3
- ค้นหาตัวเลขจาก 1-s ที่สามารถหาร n ได้ลงตัว นั่นคือ 1, 2 และ 3
- นำตัวเลขแต่ละตัวมาเขียนเป็นคู่ (a, b) ที่คูณกันแล้วได้เท่ากับ n จะได้
- (1, b) = n, (2, b) = n และ (3, b) = n จากนั้นคำนวนหา b ทั้งหมด
- จะได้การแยกตัวประกอบทั้งหมดของ n คือ (1, 12), (2, 6) และ (3, 4)